ติดต่อ Nidnoi Travel จันทร์-เสาร์ 09.00-19.00
logo

เที่ยวเบตง ฉบับไปกับทัวร์

ธันวาคม 23, 2020

สวัสดีค่ะทุกคน หลายวันที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสไปเยือนปักษ์ใต้บ้านเรา
ซึ่งเป็นสถานที่ที่กำลังได้รับความนิยมในตอนนี้ นั่นก็คือ… เบตอง! เอ้ย!
เบตง! เอ้ย! ใช่แล้ว… “เบตง” จ.ยะลานั่นเอง โดยครั้งนี้เราเลือกใช้บริการ
#นิดหน่อยทราเวล เนื่องจากทัวร์ถูกและดีนั่นเอง ไม่ต้องกังวลว่างบจะบานปลาย
เที่ยวแบบชิวๆ แต่งตัวสวยๆ รอถ่ายรูปอย่างเดียวจ้า

ถ้าพูดถึงทะเลหมอก ทุกคนคงบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ก็ต้องไปที่
ภาคเหนือสิ… แต่ใครจะรู้ว่าปักษ์ใต้บ้านเราก็มีทะเลหมอกเหมือนกัน
ใช่แล้วค่ะ!! ภาคใต้ก็มีทะเลหมอก สถานที่ดังกล่าวก็คือ “ยะลา” นั่นเอง
เมื่อพูดถึงยะลา… อย่าเพิ่งส่ายหัวกันนะคะที่บอกว่าอย่าเพิ่งส่ายหัวกัน
ก็เพราะว่า หลายๆคนคงกลัวที่จะมาเที่ยวที่นี่ อาจจะเพราะเรื่องไม่ดีต่างๆที่เคยได้ฟังมา
แต่… แต่ค่ะแต่… ความจริงแล้ว “ยะลา” น่าเที่ยวมากกกกก ด้วยความที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว
จึงทำให้ทรัพยากรการท่องเที่ยวไม่ถูกทำลาย และยังคงความอุดมสมบูรณ์
ฮั่นแน่… เกริ่นมายาวขนาดนี้แล้ว เรามาเริ่มการรีวิว “เบตง” ฉบับ “ไปกับทัวร์” กันเลยค่าาาา

_________________________________

วันแรกของทัวร์เบตง

สถานที่ที่เราจะไปในวันนี้ : หาดใหญ่ – ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว – วัดช้างให้ – สะพานข้ามเขื่อนบางลาง – เบตง สตรีทอาร์ตเบตง-อุโมงเบตงมงคลฤทธิ์ -หอนาฬิกาเบตง – ตู้ไปรษณีย์โบราณ
04.00 : ขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ บินสายการไทยแอร์เอเชีย ? (อย่าลืมสวมหน้ากากอนามัยกันด้วยนะจ้ะ)
06.00 : ระหว่างบินไปหาดใหญ่ มีอาหารกับเครื่องดื่มให้ด้วยนะ
07.35 : ถึงหาดใหญ่แล้ว ไกด์จะรอเราอยู่ด้านนอกพร้อมรถตู้ปรับอากาศ

หลังจากออกจากสนามบิน เราก็ต้องนั่งรถตู้ไปจังหวัดปัตตานี ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. เราก็เลยเเอบงีบเอาแรงสักหน่อย และแล้วเราก็ถึงศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ขึ้นชื่อในเรื่องขอโชคลาภ ค้าขาย ชาวปัตตานีนับถือเจ้าแม่มากเด้อออออ

มาต่อกันที่วัดช้างให้ วัดเก่าเเก่อายุกว่า 300 ปี (เก่าแก่มากๆ) ที่นี่มีหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
ซึ่งเป็นเกจิชื่อดังอีกท่านนึงของไทย ให้เราได้สักการะขอพร

ตอนเที่ยง เราทานอาหารกลางวันที่ร้านไลลา อาหารคือเด็ดมากกกกก รสจัดจ้านตามแบบฉบับอาหารใต้
โดยส่วนตัวชอบกุ้งผัดสะตอมาก แต่โดยรวมคือดีย์ทุกเมนู

ช่วงบ่ายเราก็เดินทางต่อไปยังเบตง โดยเราจะเเวะถ่ายรูปที่ สะพานข้ามเขื่อนบางลาง อ.ธารโต

และในที่สุด… เราก็เดินทางมาถึงเบตงแล้วค่าาาาา โดยไกด์จะพาเราไปที่ “สตรีทอาร์ตเบตง” ที่สะท้อนวิถีชีวิตคนเบตงผ่านงานศิลปะ (ที่นี่ถ่ายรูปออกมาสวยอยู่เด้ออออ แนะนำให้ใส่เสื้อผ้าโทนสีสดใสมาถ่ายรูปนะคะ รับรองถ่ายออกมาได้สวยสุด)

ไปค่ะ… ไปต่อที่ “อุโมงเบตงมงคลฤทธิ์” ซึ่งไปถึงแรกๆเนี่ย ก็สงสัยว่าทำไมต้องมาอุโมงค์ด้วย??? แต่ว่าจริงๆแล้วอุโมงนี้มีความสำคัญก็คือ เป็นอุโมงค์ลอดภูเขาแห่งแรกของประเทศไทย!!! โดยในตอนกลางคืนที่นี่จะมีการประดับตกแต่งด้วยไฟหลากสี (คือเริ่ดอ่ะ! ต่างจากอุโมงค์ที่เคยเจอมา)

จากนั้นเราก็ไปต่อที่ “หอนาฬิกาเบตง” และ “ตู้ไปรษณีย์โบราณ” โดยตู้ไปรษณีย์นี้มีใหญ่และสูงมากกกก ถือได้ว่าเป็นตู้ไปรษณีย์ที่สูงใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ ถ้าใครมาเบตงต้องมาถ่ายรูปที่นี่ให้ได้นะคะ เพราะถือเป็นเเลนด์มาร์คของเมืองเบตงเลยเด้ออออ

หลังจากเที่ยวมาทั้งวัน ท้องไส้ก็เริ่มงอแง โดยค่ำคืนนี้เราทานอาหารที่ “ร้านต้าเหยิน” จัดเต็มไปด้วยอาหารท้องถิ่นของเบตง ไก่เบตง เคาหยก ผักน้ำผัดน้ำมันหอย หมี่เหลืองผัด แกงจืดลูกชิ้นแคะ ถั่วเจี๋ยน คือดีย์ คือแซ่บ ชอบทุกเมนูเลยค่าาาา

หลังจากอิ่มแล้ว หนังตาก็เริ่มหย่อน โดยที่พักในค่ำคืนนี้ คือ “โรงแรม Grand Mandarin Betong” เป็นโรงแรมหรูใจกลางเบตง ใกล้กับสถานที่ที่เราจะไปพรุ่งนี้ด้วย! ซึ่งโดยรวมแล้วห้องพักสะอาด นอนหลับสบายยันเช้าไปเลยจ้าาาา

________________________________

วันที่สองของทัวร์เบตง

สถานที่ที่เราจะไปในวันนี้ : เมืองเบตง – ขึ้นสกายวอล์คชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง – สะพานแขวนแตปูซู – น้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.9 – อุโมงค์ปิยะมิตร – สวนหมื่นบุปผา – บ่อน้ำพุร้อน – ศาลาประชาคมเบตง

04.00 : วันนี้ต้องตื่นเช้าหน่อย เพราะเราจะไปชมทะเลหมอก ที่ “สกายวอร์คอัยเยอร์เวง” วันที่เราไปคือดวงดีมากกกกกก หมอกเต็มเลยยยยย บรรยากาศดีเวอร์ ถ้าใครกลัวความสูงแนะนำให้ปิดตาค่ะ (ล้อเล่นนะคะ) ตอนที่เดินบนสกายวอร์คก็คือขาสั่น ใจสั่นมาก เพราะทั้งหนาวทั้งสูงเลยค่ะพี่น้อง

หลังจากชมความสวยงามของทะเลหมอกเสร็จแล้ว เราก็ไปเติมพลังก่อนออกเดินทางกันค่ะ โดยอาหารเช้ามีให้เลือก 3 เมนู เลือกได้ตามใจชอบเลย แต่ว่าเราเลือกข้าวยำกับข้าวต้มกุ้ง

เติมพลังกันเสร็จ เราก็ออกเดินทางต่อไปยัง “สะพานแขวนแตปูซู” ซึ่งเป็นสะพานที่ถูกใช้งานมาหลายสิบปี โดยสะพานนี้ชาวบ้านจะใช้ขนถ่ายสินค้าการเกษตรกัน จากนั้นเราก็ไปยลโฉมความสวยงามของธรรมชาติกันต่อที่ “น้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.9” โดยชื่อเดิมของน้ำตกแห่งคือ น้ำตกวังเวง และได้เปลี่ยนชื่อในภายหลัง อากาศที่น้ำตกเย็นสบายมากๆ นั่งฟังเสียงน้ำตกกระทบหินท่ามกลางธรรมชาติเขียวขจี ฟินมากๆ อยากให้ลองมาค่ะ

ต่อไปค่ะ… เราจะพาทุกท่านไปศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์กันที่ “อุโมงค์ปิยะมิตร” ซึ่งที่นี่เป็นฐานเคลื่อนไหวทางการทหารในอดีต

เดินจนเหนื่อยแล้ว ในช่วงพักเที่ยงก็มีเมนูพิเศษ!! ให้เราได้ลิ้มลอง นั่นก็คือ เมนูปลารสเลิศ จากปลานิลสายน้ำไหลชื่อดังของเบตง ตง ตง ตง…

ช่วงบ่ายเราจะพาทุกคนไปชม “สวนหมื่นบุปผา” หรือ “สวนดอกไม้เมืองหนาว” ที่อยู่ท่ามกลางภูเขา ?? สวนดอกไม้ที่นี่ก็สวยไม่แพ้ที่อื่นเด้ออออ

เที่ยวกันมาพออิ่มหน่ำหัวใจ ก็ไปผ่อนคลายร่างกายกันที่ “บ่อน้ำพุร้อนเบตง” บ่อน้ำพุร้อนที่นี่เป็นบ่อน้ำแร่ร้อนตามธรรมชาติขนาดใหญ่ประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆ มากมาย และเราสามารถนำไข่มาลองต้มได้ด้วยนะคะ

ตกดึกมาท้องก็ร้องงอแงอีกแล้วววว เย็นนี้เมนูพิเศษให้ได้ลิ้มลองด้วย นั่นก็คือ… กบภูเขาทอด เป็นตาหร่อยแรงอยู่เด้ออออ

อิ่มจากอาหารแล้ว เราก็มาพักผ่อน โดยเราพักที่โรงแรมเดิม ก็คือ “โรงแรม Grand Mandarin Betong”

________________________________

วันที่สามของการทัวร์เบตง

สถานที่ที่เราจะไป : วัดพุทธาธิวาส – ร้านของฝากเมืองเบตง – ถ่ายรูปหมู่ ป้ายใต้สุดสยาม – ร้านวุ้นดำ ต้นตำรับ (เฉาก๊วย ก.ม. 4) สนามบินเบตง – จุดเช็คอินป้ายโอเคเบตง-เบตง – ตลาดบางพังกา – หาดใหญ่ – สนามบินสุวรรณภูมิ, กรุงเทพฯ

เช้านี้ตื่นมาแบบชิวๆ เก็บสัมภาระเตรียมเดินทางกลับ กทม. ก่อนออกเดินทางเราก็ต้องเติมพลังให้ร่างกายกัน โดยอาหารเช้าของเราเป็นอาหารแบบติ่มซำ โดยร้านที่เราไปทานจะตั้งอยู่ตรงข้ามกับโรงแรม

หลังจากอิ่มท้องแล้ว เราก็ไปอิ่มบุญกันต่อที่ “วัดพุทธาธิวาส” วัดคู่เมืองเบตง แวะทำบุญ กราบไหว้ ขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนเดินทางกลับกันค่า

อิ่มบุญกันแล้ว ขอไปล้างปากด้วยของหวานจากร้านต้นรับอร่อยระดับตำนานที่ “ร้านวุ้นดำ กม. 4” วุ้นดำหรือที่เรารู้จักกันในชื่อ เฉาก๊วย นั่นเองค่า

ก่อนกลับเราก็แวะซื้อของที่ระลึกกันที่ “ร้านของฝากของที่ระลึกเบตง” ที่นี่มีสินค้าให้เราได้เลือกซื้อมากมาย โดยเป็นของฝากจากท้องถิ่น เช่น ผลิตภัณฑ์กลุ่มแม่บ้าน สินค้า OTOP ,รังนก, หมี่เหลืองเบตง, ซีอิ้วเบตง, ส้มโชกุน, เสื้อยืดสกรีน OK BETONG เป็นต้น

ก่อนถึงสนามบินเราได้แวะถ่ายภาพที่ “ป้ายใต้สุดสยาม” ที่เป็นจุดผ่านแดนถาวรที่เชื่อมระหว่างไทย-มาเล เสร็จแล้วก็เดินทางไปยังสนามบินเบตง และถ่ายรูปด้านนอกอาคาร สนามบินเบตง ชมสถาปัตยกรรมที่ตกแต่งด้วยไม้ไผ่ สะท้อนเอกลักษณ์ท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี

ตกดึกแล้ว… ได้เวลาโบกมือลาเมืองเบตง โดยเราเดินทางกลับกับสายการบินไทยแอร์เอเชีย และถึงสนามบินสุวรรณภูมิในเวลาประมาณ 5 ทุ่ม

จริงๆแล้วยะลาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แค่เราลองเปิดใจและไปสัมผัสกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นั่น ไปสัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติ รับรองว่า… “คุณจะลืมความกลัวที่มีในใจไปเลยค่ะ”

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับรีวิว “เบตง” ฉบับ “ไปกับทัวร์”

สำหรับข้อดีของการไปกับทัวร์ สำหรับเราคิดว่า สะดวกสบาย มีคนคอยดูแล จัดการเรื่องการเดินทางให้เราทั้งหมด แถมคุ้มค่ากับราคาด้วย

สุดท้าย การเดินทางทุกครั้งอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งนะคะ พบกันใหม่โอกาสหน้าค่าาาา


บทความโดย

Nidnoi Travel